|
Violin Tonewood |
ดนตรีถือเป็นวัฒนธรรม ที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานแสนนานแล้ว ไม้ถูกนำมาใช้เครื่องดนตรีมาตั้งแต่โบราณกาล มันได้สอดแทรกเรื่องราว วัฒนธรรมตามแหล่งต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีชิ้นนั้นๆ
|
ไม้เมเปิ้ล และไม้สปรูซ |
ดังนั้นสำหรับผมแล้ว Tonewood ก็คือไม้ที่ให้เสียงที่ดีไพเราะ สามารถนำมาทำเครื่องดนตรีได้ จะว่าไปไม้เอามาเคาะมันก็ให้เสียงทั้งนั้น อย่างระนาดบ้านเราก็ทำจากไม้ไผ่ (ไผ่บง) มาทำเป็นรางระนาด ( ไม้พยุง ไม้ชิงชัน ใช้ทำลูกระนาดเช่นกัน) ดังนั้นไม้ไผ่ก็ควรเป็นไม้ Tonewood ด้วยเช่นกัน แล้วอย่างกะลามะพร้าวล่ะ นำมาทำซออู้ กะลาก็ต้องเป็น Tonewood ด้วยสิ .....
ดนตรีเป็นวัฒนธรรม เครื่องดนตรีก็เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีความเป็นอยู่ แต่ละประเทศก็จะมีเครื่องดนตรีของตนอยู่ การสร้างเครื่องดนตรีเป็นเรื่องของภูมิปัญญา การเลือกใช้ไม้มาทำเครื่องดนตรีย่อมเป็นไม้ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น ดูง่ายๆ อย่างเครื่องดนตรีไทยของเรา เป็นภูมิปัญญาและความเฉลียวฉลาด นำไม้ที่หาได้ในท้องถิ่นอย่างไม้ไผ่ กะลามะพร้าว มาทำเป็นเครื่องดนตรี ซึ่งมันก็ทำให้ได้เครื่องดนตรีที่มีน้ำเสียงเฉพาะ นำมาบรรเลงเพลงไทยก็ให้สำเนียงที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ฟังแล้วก็ต้องบอกว่านี่แหละเพลงไทย ถึงแม้เราจะเอาไวโอลินจะนำมาเล่นเพลงไทยได้ และผมก็เชื่อว่าสามารถเล่นได้อย่างไพเราะ แต่อย่างไงก็ไม่สามารถถ่ายทอดความอารมณ์ สำเนียงแห่งความเป็นไทยได้เท่าเครื่องดนตรีไทยอย่างแน่นอน
|
ไม้สนสปรูซ Tonewood ที่นำมาใช้ทำแผ่นหน้า |
ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีตะวันตก ไม้ที่ใช้ก็เป็นไม้เมเปิ้ล ไม้สนปรูซ เป็นไม้ที่เติบโตได้ดีในเมืองหนาว ในเทือกเขาสูงแถบยุโรป ส่วนตัวเคยนำไม้ในบ้านเรามาทำ( ไม้มะค่า) รู้สึกว่าทำได้ยากกว่ามาก โดยเฉพาะในส่วนคอ และผมคิดว่าไวโอลินที่ทำจากไม้มะค่าก็ให้เสียงดีไม่แพ้ไม้เมเปิ้ล และเหตุนี้ผมก็คิดว่าช่างที่ทำเครื่องดนตรี ก็ย่อมต้องเลือกไม้ที่ให้คุณสมบัติที่ดี ทั้งในแง่ของการทำ หาง่ายในท้องถิ่นตน สวยงามและให้คุณสมบัติด้านเสียงดนตรีได้อย่างดี ไม้เมเปิลจึงมีคุณสมบัติที่ดีทำได้ง่าย ด้วยเนื้อไม้สีขาวนวล เนื้อละเอียด เสี้ยนเล็ก แกะสลักได้ดี
|
แผ่นหน้าของไวโอลิน ไสขึ้นรูปเบื้องต้นแล้ว |
แล้วถ้าเกิดมีใครถามว่า Tonewood ที่่ว่าเอาไปทำอะไรอย่างอื่นได้ไหม ............. ผมอยากจะให้นึกว่ามันก็คือต้นไม้ที่เติบโตเหมือนต้นอื่นๆ ทั่วไป พอโตได้ขนาดก็ถูกคัดเกรด คัดลาย แล้วมาผ่านกรรมวิธีบ่มไม้ เพื่อลดความชื้นให้อยู่ในเกณฑ์ ก่อนออกจำหน่าย ด้วยความที่เป็นไม้เกรดเครื่องดนตรีก็เลยทำให้มีราคาแพงมาก คงไม่มีเจ้าของธุรกิจไม้ที่ไหนเอามันไปขายในเกรดไม้ทำเฟอร์นิเจอร์หรอกราคามันถูกกว่ากันเยอะ ปกติไม้ที่ขายกันตามร้านไม้เขาขายกันเป็นคิวบิท หรือขายกันเป็นปริมาตร ที่นิยมใช้อยู่คือลูกบาศก์เมตรและลูกบาศก์ฟุต
ส่วน Tonewood เขาคัดเกรดแล้วขายกันเป็นแผ่น เป็นคู่ เรียกว่าตัดมาตามขนาดของเครื่องดนตรีนั้นๆ เลย ราคากำหนดกันตามเกรด ความสวยของเนื้อไม้ ราคามันแพงมาก บวกกับค่าขนส่งจากต่างประเทศอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น