การตัดไม้เมเปิล ซึ่งจะใช้ทำเป็นแผ่นหลังของไวโอลิน เริ่มต้นก็ต้องหาไม้ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก..... อ้าว .... ก็ต้องอย่างนั้นสิ เอ วันนี้เขียนอย่างไงนี่ ออกแนวกวนกวน คือจริงๆ แล้ว การหาไม้เมเปิลไม่ยาก แต่การจะเลือกแผ่นไหนลายไม้เป็นอย่างไง จะวางตำแหน่งการหรือเอาด้านไหนอยู่ในอยู่นอก เพื่อให้งานออกมาสวยงาม เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ขึ้นกับสายตาประสบการณ์ของผู้สร้างแต่ละคน อย่างแผ่นที่เห็นในรูปผมว่าอันนี้ยังไม่ค่อยยาก แผ่นนี้เป็นไม้ชิ้นเดียวหน้ากว้าง 12 นิ้ว ยาวประมาณ 16 นิ้ว หนาเกือบ 1 นิ้ว เป็นไม้ที่ตัดมาแบบ slab saw เป็นการตัดผ่าลำต้นไม้ จากเปลือกไม้ด้านหนึ่งขาดไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจะเห็นลายไม้ลักษณะอย่างในภาพ การแปรรูปไม้ในปัจจุบันจึงเป็นการตัดในลักษณะนี้เพราะจะได้ไม้หน้ากว้าง เสียไม้น้อยกว่า ส่วนการตัดอีกแบบคือการตัดแบบ Quarter saw เป็นการตัดแบบการเค้ก ซึ่งไม้แผ่นหน้าของไวโอลินเป็นการตัดแบบอย่างหลังนี้ จึงทำให้เห็นลายไม้เป็นแนวเส้นๆ อย่างที่เห็น เส้นที่ว่านี้ก็คือเส้นวงปีของต้นไม้นั่นเอง
เราต้องไสปรับหน้าให้เรียบก่อนด้วยกบ แต่ถ้าไม่ใช้กบก็ใช้เครื่องจักรไสไปซัก 2-3 รอบออกมาเรียบ แต่ผมไม่ได้ใช้วิธีนี้เพราะไม่มีและไม่เหมาะสมที่จะใช้ เอาเป็นว่าขออธิบายในแบบที่ผมทำดีกว่า หลังจากที่ได้ไม้ที่เรียบๆ แล้ว เราจะเอาโครงข้างของไวโอลินหรือ Rib ที่ขึ้นรูปไว้แล้วมาทาบแล้วลากเส้นตามแนวขอบ ส่วนเส้นนอกใช้แหวนรองน็อตเล็ก ๆ แล้วขีดเป็นแนวอีกครั้งจะได้เป็นเส้นนอก ซึ่งเส้นนอกนี้ก็คือเส้นแนวการตัด ส่วนด้านที่เราเลือกนี้จะเป็นด้านในของแผ่นหลังเวลาประกอบเราจะไม่เห็นลายไม้ด้านนี้แต่จะเป็นอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องเลือกดูก่อนที่จะวาดแนวการตัด ไม้แผ่นนี้ลายจะเป็นแบบ The Everest
เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเป็นรุ่นพิเศษ เพราะรุ่นนี้ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน เสียงเงียบไม่รบกวนใครที่สำคัญราคาถูกมาก ไม่ต้องลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน ใครๆ ก็ซื้อได้น่าใช้มาก
เลื่อยฉลุ Coping saw นี่เอง ใช้แรงกายล้วนๆ ข้างๆ นั้นเป็นโครงข้างที่ประกอบแผ่นหน้าแล้ว ไม้ที่เราจะตัดนี้จะเป็นแผ่นหลังของไวโอลินตัวนี้ครับ
การตัดไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาก เริ่มต้นตรงไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ผมเลือกตรงมุมก่อนมันใกล้ดี วางไม้บนโต๊ะ หาปากกาจับไว้ให้แน่นแล้วลงมือตัด จะใช้มือเดียวหรือสองมือก็ได้ไม่ว่ากัน แต่พยายามให้ใบเลื่อยอยู่ในแนวตั้งฉากเป็นใช้ได้งานจะออกมาสวย
เวลาตัดบางช่วงก็ง่าย บางช่วงก็ยาก เพราะเป็นการตัดแนวโค้ง ซึ่งจะต้องเจอทั้งการตัดตามแนวเสี้ยนและตัดแนวขวางเสี้ยน ตามแนวเสี้ยนก็คือตามยาวแนวลายไม้ อันนี้จะตัดยากคือเลื่อยจะไม่ค่อยกินไม้เท่าไหร่ ส่วนตัดขวางจะไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่ไวโอลินทรงออกแนวยาวมากกว่ากว้าง การตัดจึงต้องเจองานยากมากกว่าง่าย
ชิ้นแรกที่ตัดออกมา ใช้เวลาไป 35 นาที
แนวโค้งตัว C บางทีก็ใช้เลื่อยอื่นร่วมด้วยก็ได้ ตัดขวางเสี้ยนแนวตรง เพื่อความรวดเร็ว หยดน้ำที่เปียกหยาดเหงื่อแรงกายล้วนๆ เลย
ตรงมุมที่วงเลี้ยวไม่ได้ก็ต้องตัดบางส่วนออกก่อน แล้วจึ่งมาขึ้นต้นใหม่
ถึงช่วงปุ่มคอก็ถอยเลื่อยออก เลื่อยมันเลี้ยวหักมุมลำบาก แล้วมาเริ่มตัดใหม่จากอีกด้านหนึ่่งจะง่ายกว่า
เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งก็ทำแบบเดียวกัน แต่สลับด้านกัน
แล้วชิ้นสุดท้ายก็ถูกตัดออกมา ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง กับอีก 25 นาทีครับ จากนั้นก็ตามด้วยน้ำอีกแก้วครึ่ง เสียเหงื่อไปเยอะ
เลื่อยตัวนี้มีความพิเศษคือสามารุถปรับทิศทางใบเลื่อยได้ เวลาโครงเลื่อยเริ่มติดเราก็บิดหมุนปรับทิศทาง แต่ต้องปรับตัวบนและล่างให้อยู่แนวเดียวกัน
ลายอีกด้านหนึ่งของแผ่นไม้ ซึ่งด้านนี้จะอยู่ด้านนอก เราจะเห็นลวดลายของแผ่นหลังจากด้านนีั ตอนหน้าจะเป็นการทำที่ต่อจากขั้นตอนนี้ คือไสปรับด้านนอกสร้างรูปทรงให้โค้งนูนเหมือนไวโอลินที่เราเห็น
ไวโอลินตัวนี้ขอเรียกว่า Valentine แล้วกันนะครับ เพราะวันที่ผมทำ Bass bar เสร็จ และประกอบแผ่นหน้าเข้ากับโครงข้าง Rib เป็นวันแห่งความรักพอดี
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบยอดมากครับดีมากๆครับ
ตอบลบก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสําหรับความรู้ดีๆเกี่ยวกับการสร้างไวโอลิน..ที่มีให้อ่านได้เรื่อยๆ..ไม้เมเปิลหาซื้อได้ที่ไหน..ราคาแพงไหมครับ..
ตอบลบ